รู้จัก SKIN BARRIER เกราะป้องกันผิว

ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายและมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเราจากสภาพแวดล้อมภายนอก แม้ว่าผิวหนังจะดูภายนอก เรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วผิวหนังเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนและมีหน้าที่หลากหลาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน ที่เรียกว่า ( SKIN BARRIER ) มีหน้าที่ปกป้องร่างกายของเราจากสารอันตรายและป้องกันการสูญเสียน้ำมากเกินไป

ส่วนประกอบของ Skin Barrier:

Stratum corneum: ชั้นนอกสุดของหนังกำพร้าเรียกว่าสตราตัมคอร์เนียม ประกอบด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่เรียกว่า corneocytes ซึ่งฝังอยู่ใน lipid matrix ชั้นนี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันทางกายภาพ ป้องกันการซึมผ่านของสารแปลกปลอม

ไขมัน: เกราะป้องกันผิวประกอบด้วยส่วนผสมที่ซับซ้อนของไขมัน รวมทั้งเซราไมด์ คอเลสเตอรอล และกรดไขมัน ลิพิดเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความสมบูรณ์ของเกราะป้องกันโดยให้ความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และป้องกันการสูญเสียน้ำ

ความสำคัญของเกราะป้องกันผิว (Skin barrier)

SKIN BARRIER คือ ส่วนที่สำคัญในผิวหนังที่มีหน้าที่เป็น เกราะ ป้องกัน ช่วยปกป้องผิวหนังและรักษาสภาพผิวให้แข็งแรง โดยปกป้องผิวจากสิ่งสกปรก สารปนเปื้อน และความเสียหายจากสิ่งต่างๆ ที่อาจเข้าสู่ผิวหนังได้ เช่น แสงแดด ความร้อน ความชื้น และสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ผิวได้

ปกติร่างกายจะมี SKIN BARRIER อยู่อย่างสมดุล แต่เมื่อเกราะป้องกันผิวถูกทำลาย อาจนำไปสู่ปัญหาผิวได้หลากหลาย รวมถึงทำให้เกิดความแห้งกร้าน รอยแดง การระคายเคือง และแม้แต่การติดเชื้อ ปัจจัยที่สามารถทำลายเกราะป้องกันผิว ได้แก่ การสัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง การสัมผัสแสงแดดมากเกินไป และสภาพผิวที่ผิดปกติบางอย่าง เช่น กลาก และโรคสะเก็ดเงิน การต้องเผชิญ กับ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น อากาศแห้ง อากาศเย็น การล้างหรือใช้สบู่มากเกินไป หรือการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารเคมีที่แรง อาจทำให้ภาวะความชื้นและสารต่างๆ ที่มีประโยชน์สำหรับผิวหนังลดลง นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลย์ การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นต้น ก็อาจมีผลในการทำลายสภาพของ skin barrier ด้วย

การรักษาและสร้าง skin barrier ที่แข็งแรงและสมบูรณ์มีประโยชน์มากมายต่อผิวหนังของเรา ดังนี้

ปกป้องผิวหนัง: Skin barrier ช่วยปกป้องผิวหนังจากสิ่งสกปรก สารปนเปื้อน และความรุนแรงจากสิ่งแสดงอันตรายต่างๆ ที่อาจเข้าสู่ผิวหนังได้ โดยล็อกสารพิษและสารอื่นๆ ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
ควบคุมความชื้น: Skin barrier ช่วยปรับสมดุลความชื้นในผิวหนัง ไม่ให้มีการสูญเสียความชื้นมากเกินไป ซึ่งช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นและไม่แห้งขึ้น
ป้องกันการอักเสบ: Skin barrier ช่วยป้องกันการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังไม่ระคายเคืองหรือระคายเคืองน้อยลง ลดความรู้สึกอักเสบ แสบร้อน หรือความระคายเคืองในผิวหนัง
สร้างเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่: Skin barrier ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งช่วยให้ผิวหนังสมบูรณ์และมีความยืดหยุ่น ลดการเกิดริ้วรอยและเลื่อนเซลล์ผิวเก่าออกไป
ปกป้องจากแสงแดด: Skin barrier ช่วยปกป้องผิวหนังจากผลกระทบของแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมสภาพผิวหนังและเกิดริ้วรอย
ลดความรุนแรงจากสิ่งแสดงอันตราย: Skin barrier ช่วยลดความรุนแรงจากสิ่งแสดงอันตรายต่างๆ เช่น สารเคมี ฝุ่นละออง และเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ผิวหนังแข็งแรงและมีสุขภาพดี

การรักษาเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง:

การรักษาเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพผิวโดยรวม ซึ่งทำได้โดยการให้ความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำ สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีรุนแรง และสารระคายเคืองต่างๆ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน

การทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: สิ่งสำคัญคือต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนซึ่งไม่ขจัดน้ำมันและไขมันตามธรรมชาติออกจากผิว สบู่และน้ำยาทำความสะอาดที่รุนแรงสามารถทำลายเกราะป้องกันผิว นำไปสู่ความแห้งกร้านและระคายเคือง เลือกใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิวเพื่อรักษาสมดุลตามธรรมชาติ
ให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ: การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์จะช่วยเติมเต็มปราการไขมันตามธรรมชาติของผิวและป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น มองหามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมอย่างเช่น เซราไมด์ กรดไฮยาลูโรนิก และกลีเซอรีน ซึ่งช่วยซ่อมแซมและเสริมเกราะป้องกันผิว
ปกป้องจากแสงแดด: รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดสามารถทำลายเกราะป้องกันผิวและเร่งอายุได้ ปกป้องผิวของคุณโดยใช้ครีมกันแดดในวงกว้างที่มีค่า SPF 30 เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ การสวมชุดป้องกัน เช่น หมวกและเสื้อแขนยาว ยังสามารถปกป้องผิวของคุณจากรังสีที่เป็นอันตรายของดวงอาทิตย์
หลีกเลี่ยงการขัดผิวมากเกินไป: แม้ว่าการขัดผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว แต่การขัดผิวมากเกินไปสามารถทำลายเกราะป้องกันผิวได้ จำกัดการขัดผิวให้เหลือสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง และเลือกผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่อ่อนโยนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายผิว
รักษาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ: เช่น การรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และดื่มน้ำให้เพียงพอจะส่งผลต่อสุขภาพผิวโดยรวม อาหารที่อุดมด้วยสารอาหาร เช่น ผักและผลไม้ ให้วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นซึ่งสนับสนุนการทำงานของเกราะป้องกันผิว

การเลือกSKIN BARRIER product ต้องเลือกอย่างไร

เมื่อต้องเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับบำรุงเกราะป้องกันผิว สิ่งสำคัญ คือ ต้องมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่สามารถช่วยซ่อมแซม และบำรุงรักษาเกราะป้องกันผิวได้เป็นอย่างดี ส่วนผสมหลักบางประการที่เหมาะสมที่จะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ หรือส่วนผสม ของ moisturizer ที่ช่วย skin barrier เช่น

เซราไมด์ (Ceramide): เป็นไขมันตามธรรมชาติที่พบในผิวหนัง และช่วยรักษาเกราะป้องกันผิว ช่วยซ่อมแซม และเสริมเกราะป้องกันผิว

กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid): เป็นโมเลกุลที่สามารถอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนัก ทำให้เป็นส่วนประกอบที่ดีในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

กลีเซอรีน (Glycerin): เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่สามารถช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นในผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี

เชียบัตเตอร์ (Sheabutter): เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน และสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการบำรุง และปกป้องเกราะป้องกันผิว

วิตามินบี 3 (Niacinamide): รูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ที่สามารถช่วยเสริมการทำงานของเกราะป้องกันผิว รวมทั้งลดการอักเสบ และรอยแดงของผิวหนัง

การดูแลผิวหนังให้มีสภาพแข็งแรงและสุขภาพดี รวมถึงการสร้างและรักษา skin barrier เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจประกอบไปด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับผิวหนัง รวมถึงการรักษาสภาพแวดล้อมรอบข้างให้เหมาะสมกับผิวหนังด้วย นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับผิวหนัง การดื่มน้ำเพียงพอ เมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มอยเจอร์ไรเซอร์ ควรเลือกที่ระบุว่า "ปราศจากน้ำหอม" หรือ "ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน" เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง หรือการอุดตันรูขุมขน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ ไม่ว่าคุณจะมีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม

Tag:SKIN BARRIER