เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงมีผิวหน้าที่กระจ่างใสและอ่อนเยาว์

ความลับนั้นอยู่ที่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่เหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิว(skin cell turnover)

ทำไมการผลัดเซลล์ผิวถึงสำคัญ

การผลัดเซลล์ผิวคือกระบวนการที่เซลล์ผิวเก่าถูกขจัดออกและถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่คิดเหมือนการกดปุ่มรีเฟรชที่ธรรมชาติสำหรับใบหน้าของคุณ. การผลัดเซลล์นี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาผิวที่แข็งแรงและกระจ่างใสโดยกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ของแต่ละช่วงวัย ก็แตกต่างกัน โดย

ในเด็กเล็ก จะใช้เวลาประมาณ 14 วัน 

ช่วงอายุ 10-19 จะใช้เวลาประมาณ 14-28 วัน

ช่วงอายุ 20-29 จะใช้เวลาประมาณ 14-30 วัน

ช่วงอายุ 30-39 จะใช้เวลาประมาณ 30-42 วัน

ช่วงอายุ 40-49 จะใช้เวลาประมาณ 30-42 วัน

ช่วงอายุ 50+ จะใช้เวลาประมาณ 45-84 วัน

ทั้งนี้ ก็เพราะว่าในเซลล์ผิวของคนมีอายุจะมีเอนไซม์ MMPs ในชั้นผิวมาก ซึ่งจะย่อยคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ต่างจากคนอายุน้อยที่จะมีเอนไซม์ TIMPs ที่ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ MMPs ออกมามากกว่าคนมีอายุ จึงทำให้เซลล์ผิวแบ่งตัวและผลิตเซลล์ใหม่ออกมาทดแทนเซลล์ผิวเก่าได้ดี ทำให้กลไกการ ผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างสมดุล

ข้อดีของการผลัดเซลล์ผิว

ผิวหน้าสะอาดขึ้นจากการขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไป ลดการอุดตันของรูขุมขนที่เกิดจากเซลล์ผิวเก่าผสมกับน้ำมันบนใบหน้า ทำให้เซลล์ใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นมาทดแทนได้   ผิวสามารถซึมซับสกินแคร์บำรุงผิวต่างๆได้ดีขึ้น

การเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว

ถึงแม้ว่าการผลัดเซลล์ผิวเป็นกลไกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็สามารถหยุดชะงักลงได้ จากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพแวดล้อม ผลที่ตามมาก็คือเซลล์ผิวเก่าสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เกิดเป็นปัญหาความหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระ ฝ้า และจุดด่างดำ ยิ่งถ้าเซลล์ผิวสะสมตัวนาน ๆ ก็จะกลายเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรีย ผลที่จะตามมากก็คือปัญหาสิวต่าง ๆ รวมถึงทำให้ประสิทธิภาพของครีมบำรุงไม่ดี เนื่องจากครีมบำรุงผิวที่ใช้ไม่สามารถทะลุชั้นเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้    ดังนั้นเราจึงต้องมีการเร่งกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวเพื่อช่วยกระตุ้นให้การผลัดเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งประเภทตามกระบวนการผลัดเซลล์ผิวออกเป็น 2 ประเภท ด้วยกัน คือ

1. การผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีธรรมชาติ (Mechanical Exfoliation) 

เช่น การสครับผิวหน้า   เป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าบนใบหน้าให้หายหมดจด ด้วยการสครับผิวหน้า วิธีการสครับผิวหน้าทำได้ด้วยการเลือกใช้สครับที่เป็นเม็ดบีตส์ที่มีขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป หลังจากทาสครับทั่วใบหน้าแล้ว ให้ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นค่อยๆ ถูวนตามรูขุมขน ซึ่งการสครับผิวหน้า นั้นมีส่วนทำให้เซลล์ผิวเก่าที่ตายหลุดออกไป  วิธีนี้จะทำให้เซลล์ผิวเก่า หรือขี้ไคลต่างๆ หลุดออกได้ดี

2. การผลัดเซลล์ผิวด้วยกลไกเคมี (Chemical Exfoliants)

วิธีการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีจะเป็นการไปสลายคอร์นีโอเดสโมโซม โครงสร้างที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมเซลล์ผิวให้หลุดออก ทำให้เซลล์ผิวผลัดออกได้ โดยส่วนใหญ่จะใช้กลุ่มสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ อย่างกรด AHA BHA หรือ กรดซาลิไซลิก  PHA  หรือ โปรตีเอส (protease) ซึ่งนอกจากจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปแล้วยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วย อีกทั้งยังเห็นผลเร็วและผลข้างเคียงน้อยกว่าการขัดผิว จึงทำให้วิธีการนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายมาก

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่เหมาะสมสำหรับการผลัดเซลล์ผิว  

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่เหมาะสมสำหรับการผลัดเซลล์ผิวเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลในผลลัพธ์ของการดูแลผิวหน้า  ได้แก่

1. กรดเอซิด (Ascorbic Acid)

กรดเอซิดหรือวิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวและลดการเสื่อมของผิว

2. กรดอัลฟาไฮโดรก์ซี (Alpha Hydroxy Acids - AHAs)

AHA (Alpha Hydroxy Acids) หรือ กรดอัลฟาไฮดรอกซี เป็นกรดตามธรรมชาติ เช่น กรดซีตริก ที่พบในผลไม้รสเปรี้ยว กรดไกลโคลิกจากน้ำตาลอ้อย รวมไปถึงกรดแลกติกในผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว กรดเหล่านี้ถือว่าอยู่ในกลุ่มของ AHA ที่มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ จึงทำปฏิกิริยาได้เฉพาะผิวชั้นนอกเท่านั้น เหมาะกับคนผิวแห้งและผิวธรรมดา ไม่ค่อยเหมาะกับคนผิวมัน

3. BHA (Beta Hydroxy Acids) หรือ กรดเบต้าไฮดรอกซี หรือที่มักรู้จักกันในชื่อของกรดซาลิไซลิก

สกัดจากเปลือกของต้น Willow หรือต้นหลิวจีน แตกต่างกับ AHA ตรงที่สามารถละลายได้ในไขมัน สามารถซึมเข้าตามรูขุมขนไปยังชั้นใต้ผิวได้ จึงเหมาะกับคนผิวมัน ช่วยผลัดเซลล์ผิวในระดับลึก และช่วยขจัดแบคทีเรีย หัวสิวอุดตัน และสิ่งสกปรกตามรูขุมขนให้หลุดออกมาได้ ที่สำคัญยังช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงได้อีกด้วย

4. เรตินอล (Retinol)

เรตินอลมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำ

5. PHA (Polyhydroxy Acid) PHA  

เป็นกรดผลไม้ชนิดหนี่งที่มีการปรับโมเลกุลใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น ซึมลงสู่ผิวชั้นล่างลดลง ทำให้ระคายเคืองลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับ AHA และ BHA ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบุคคลที่มีผิวแพ้ง่าย

6. เปปไทด์ (Peptides) หรือ โปรตีเอส (protease)

คือ เอนไซม์ (enzyme) ที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาการไฮโดรไลซ์โปรตีน (protein) มีผลต่อเซลล์ผิว ในการช่วยผลัดเซลล์ผิว และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้ผิวเรียบเนียนและสดใสขึ้น โดยมีมีจุดเด่นคือสามารถทำงานได้ใน pH ที่เป็นกลาง เมื่อเทียบกับ AHA ที่ต้องมีความเป็นกรดสูง เปปไทด์ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจน เอนไซม์ผลัดเซลล์ผิวที่ใช้กันทั่วไปในเครื่องสำอาง ได้แก่

• ปาเปน (Papain) มาจากมะละกอ 
• โบรมีเลน (Bromelain) : สกัดจากสับปะรด Pomegranate Enzyme: เอ็นไซม์ที่ได้จากผลทับทิม
• เอนไซม์ฟักทอง: มาจากฟักทอง  เป็นต้น

ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังกล่าวจึงเป็นหนึ่งในวิธีการผลัดเซลล์ผิวที่ช่วยถนอมผิวหน้าอย่างอ่อนโยนที่  แต่ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ใช่ว่าจะเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ดังนั้นสาวๆ จึงต้องศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้ละเอียดก่อนใช้จะดีที่สุดนะคะ