หลายคนคงเคยเจอปัญหา ขับถ่ายไม่ออก ถ่ายไม่หมด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือบางคนที่กำลังลดน้ำหนัก ลดความอ้วนอยู่แต่ชอบกิน กำลังมองหาตัวช่วยเพิ่มการขับถ่าย เพื่อให้ถ่ายง่าย ถ่ายคล่องขึ้น อย่างอาหารเสริมไฟเบอร์หรือโพรไบโอติก แต่ก็ยังลังเลอยู่ด้วยความที่ทั้งสองตัวช่วยเรื่องการขับถ่ายเหมือนกัน จะเลือกตัวไหนให้เหมาะกับเราดี บทความนี้จะพาคุณมาดูความแตกต่างของอาหารเสริมไฟเบอร์และโพรไบโอติกกันค่ะ

ไฟเบอร์ อาหารเสริมที่คนลดน้ำหนักมักมีติดบ้าน

ไฟเบอร์ หรือ ใยอาหาร เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ และไม่ได้ให้พลังงานแก่ร่างกาย พบได้ในพืช ผัก ผลไม้ต่างๆ 

โดยไฟเบอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ 

1. ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ จะดูดซับน้ำและสร้างเจลในลำไส้ ทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น ช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้น
2. ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำได้ จะไม่ดูดซับน้ำ แต่จะช่วยเพิ่มปริมาณของอุจจาระ และกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ลำไส้บีบตัวได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้นเช่นกัน 

ประโยชน์ของไฟเบอร์ 

1. ไฟเบอร์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งหมายความว่าช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นเร็วเกินไป ซึ่งช่วยควบคุมระดับอินซูลินให้คงที่มากขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
2. ไฟเบอร์ช่วยลดคอเลสเตอรอล: ไฟเบอร์ในระบบทางเดินอาหารสามารถช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลของร่างกายได้ 
3. ไฟเบอร์ช่วยควบคุมน้ำหนัก: อาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักและผลไม้ มักจะมีแคลอรี่ต่ำ และยังสามารถชะลอการย่อยอาหาร จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอย่างยิ่ง
4. ไฟเบอร์ป้องกันการท้องผูก: อย่างที่รู้กันดีว่าไฟเบอร์ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดโอกาสการเกิดท้องผูก รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงได้ ไฟเบอร์ช่วยกำจัดของเสีย กวาดล้างสารพิษในลำไส้ ให้ขับถ่ายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. ไฟเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง: การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยเพียงพอ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ได้

หมายเหตุ: การทานไฟเบอร์มากเกินไป อาจทำให้ท้องอืดและเกิดแก๊สในท้องได้ วิธีแก้อาจดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อให้ไฟเบอร์ดูดซึมได้ดีขึ้น หรือ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไฟเอบร์สูงๆ เช่น ถั่ว เป็นต้น 

โพรไบโอติกคืออะไร

โพรไบโอติก คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยปกติแล้วในระบบทางเดินอาหารของเรามักมีจุลินทรีย์อยู่มากทั้งุลินทรีย์ที่ดีและไม่ดี แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการกิน และความเครียดต่างๆทำให้จุลินทรีย์ในร่างกายขาดความสมดุลได้ การเสริมอาหารด้วยโพรไบโอติก จุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น โดยโพรไบโอติกสามารถพบได้ในอาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว ชาหมัก กิมจิ มิโซะ เป็นต้น โพรไบโอติกช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ขับถ่ายง่ายขึ้น

ประโยชน์ของโพรไบโอติก

1. โพรไบโอติก ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ 
2. ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคท้องผูก ท้องเสีย และโรคอ้วน
3. โพรไบโอติกช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ดีขึ้น
4. โพรไบโอติกยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

ความแตกต่างระหว่างไฟเบอร์และโพรไบโอติก

ประเภท    

ไฟเบอร์ (Fiber)  สารอาหาร    
โพรไบโอติก (Probiotics) จุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย

แหล่งที่มา

ไฟเบอร์พบได้ในอาหารจากพืช เช่น ถั่ว เมล็ดพืช ซีเรียล และผัก
โพรไบโอติกพบได้ในผักดอง โยเกิร์ต มิโซะ บัตเตอร์มิลค์ และอื่นๆ

ประโยชน์

ไฟเบอร์ (Fiber) ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น
โพรไบโอติก (Probiotics) ช่วยย่อยอาหาร ปรับสมดุลลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และป้องกันแบคทีเรียที่ไม่ดีไม่ให้เข้าสู่ร่างกายและทำให้เจ็บป่วย 

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากไฟเบอร์ (Fiber) เช่น ท้องอืด ปวดท้อง และเกิดแก๊สในท้องได้ หากทานมากเกินไป
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ของโพรไบโอติก (Probiotics) เช่น ท้องผูก ท้องอืด และกระหายน้ำ และอาจไม่เหมาะกับคนแพ้นมวัว

หากต้องการเลือกระหว่างไฟเบอร์และโพรไบโอติก พิจารณาจากความต้องการและจุดประสงค์ของแต่ละคนดังนี้

หากมีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย เช่น ขับถ่ายไม่ออก ถ่ายไม่หมด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ สามารถเลือกทานได้ทั้งไฟเบอร์หรือโพรไบโอติกก็ได้ แต่ไฟเบอร์ จะไปช่วยทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น และกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ถ่ายง่ายขึ้น การเลือกทานไฟเบอร์จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

หากต้องการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ปรับสมดุลลำไส้แบบองค์รวม ควรเลือกทานโพรไบโอติก ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ เพราะโพรไบติกเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตสามารถคัดแยกของเสียและของดีในลำไส้ได้ ช่วยป้องกันแบคทีเรียที่ไม่ดีที่ทำให้ร่ายกายเจ็บป่วยจึงส่งผลให้สุขภาพร่างกายและผิวพรรณดีขึ้นด้วย ซึ่งสร้างความยั่งยืนให้ระบบลำไส้ได้ดีกว่า และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเสริมคุณภาพการขับถ่ายให้ดีขึ้นด้วย

หากต้องการลดน้ำหนัก ควรเลือกไฟเบอร์ เพราะไฟเบอร์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล แถมยังช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้นด้วย

PREMACARE รับผลิตอาหารเสริมทั้งไฟเบอร์และโพรไบโอติกมาตรฐาน GMP ISO 

ดังนั้นสรุปว่าทั้งไฟเบอร์และโพรไบโอติกต่างก็เป็นตัวช่วยเรื่องระบบขับถ่ายทั้งคู่ มีผลข้างเคียงน้อย สามารถทานควบคู่กันได้เพื่อส่งเสริมการทำงานของลำไส้และมีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ การเลือกตัวไหนให้เหมาะกับเรานั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและจุดประสงค์ของแต่ละคน แต่ไม่ควรทานมากเกินพอดี จะเกิดโทษมากกว่าผลลัพธ์ที่ดีนะคะ

พรีมา แคร์ โรงงานรับผลิต พัฒนาสูตร แกะสูตรอาหารเสริม คุณภาพมาตรฐานสากล ด้วยประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 18 ปี พร้อมรับปรึกษาสร้างแบรนด์ ทำแบรนด์อาหารเสริมแบบครบวงจร สนใจสร้างแบรนด์ปรึกษาฟรีทุกช่องทางเลยนะคะ 

ช่องทางการติดต่อ

Line: @premacare หรือ คลิก
Tel: 080-810-8109

อ้างอิง: https://www.geeksforgeeks.org/difference-between-fiber-and-probiotics/