กำลังมองหาโรงงานผลิตครีม เครื่องสำอาง อาหารเสริม? มาทำความรู้จักโรงงาน OEM, ODM และ OBM เพื่อเลือกวิธีการผลิตที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา และสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
การสร้างแบรนด์เครื่องสำอางเป็นความฝันของคนรุ่นใหม่จำนวนมาก แต่การเริ่มต้นธุรกิจนี้อาจดูเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ด้วยการเลือกวิธีการผลิตที่เหมาะสม คุณก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจเครื่องสำอางของคุณได้ง่ายขึ้น มาทำความรู้จักกับรูปแบบการผลิตต่างๆ กันดีกว่า
OEM หรือ Original Equipment Manufacturer บริษัทที่รับผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อื่นๆ เป็นโรงงานรับจ้างผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า เช่น Foxconn ที่ผลิตโทรศัพท์มือถือให้กับ Apple และ Samsung
การผลิตแบบ OEM (Original Equipment Manufacturing) ได้รับความนิยมอย่างสูงในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยโรงงานรับผลิต OEM มักให้บริการแบบครบวงจร หรือ One-Stop Service โรงงานรับผลิตจะดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การวางแผนการผลิต การคัดเลือกและพัฒนาสูตร การออกแบบฉลาก การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม และตรงกับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ ไปจนถึงการให้คำปรึกษาด้านการตลาดเพื่อให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อได้เปรียบที่สำคัญของการผลิตแบบ OEM คือต้นทุนที่ต่ำกว่าการลงทุนผลิตเอง เจ้าของแบรนด์ไม่จำเป็นต้องลงทุนในเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือสร้างโรงงานของตัวเอง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมาก นี่จึงเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่หรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบริหารจัดการโรงงานหรือกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สินค้าส่วนใหญ่ที่เราเห็นในท้องตลาดก็ผลิตโดยโรงงาน OEM เช่นกัน เพราะไม่ใช่ทุกแบรนด์จะสามารถลงทุนสร้างโรงงานเองได้ โดยมักใช้สูตรและกระบวนการผลิตที่มีอยู่แล้ว เพียงแค่ติดแบรนด์ จดทะเบียนสินค้า ก็พร้อมขายออกตลาดได้เลย
1. ต้นทุนต่ำ: ไม่ต้องลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต
2. รวดเร็ว: สามารถเริ่มผลิตได้ทันทีโดยใช้สูตรมาตรฐานของโรงงานที่มีอยู่แล้ว เพียงแค่ทดลองใช้และสั่งผลิตได้เลย
3. ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการผลิตมากนัก
4. มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาตั้งแต่เริ่มจนส่งออกขายเลย (One-Stop Service)
• ไม่สามารถปรับแต่งสูตรได้มากนัก
• อาจมีสินค้าคล้ายกันในตลาด
ODM (Original Design Manufacturer) เป็นบริการที่คล้ายคลึงกับ OEM แต่มีความยืดหยุ่นมากกว่าในแง่ของการพัฒนาสูตรสินค้า ผู้ผลิต ODM ไม่เพียงแต่รับผิดชอบการผลิตเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับแบรนด์ของตนได้ดียิ่งขึ้น บริการนี้ครอบคลุมตั้งแต่การคิดค้นสูตร ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า OEM แต่ก็มอบความคุ้มค่าด้วยความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและตรงตามความต้องการของตลาดมากขึ้น
1. สามารถพัฒนาสูตรและผลิตภัณฑ์ให้เป็นเอกลักษณ์มากขึ้น
2. มีโอกาสสร้างความแตกต่างในตลาดได้มากกว่าการผลิตแบบ OEM (สูตรไม่ซ้ำกับแบรนด์อื่นในท้องตลาด)
3. มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตั้งแต่ต้นจนจบเหมือน OEM
4. ต้นทุนยังต่ำกว่าการสร้างโรงงานรับผลิตเอง
• ต้นทุนสูงกว่า OEM เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสูตรหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์
• ใช้เวลานานกว่าในการพัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์
OBM: Original Brand Manufacturer เป็นรูปแบบการผลิตที่เจ้าของแบรนด์ดำเนินการผลิตเองทั้งหมด ควบคุมเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวิจัยพัฒนาสูตร การผลิต ไปจนถึงการทำการตลาด เจ้าของแบรนด์จะมีโรงงานและทีมผู้เชี่ยวชาญเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้เจ้าของแบรนด์จึงมีอิสระเต็มที่ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดและสะท้อนวิสัยทัศน์ของแบรนด์ได้อย่างแท้จริง
แม้ว่าการดำเนินการผลิตแบบ OBM จะต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีความเสี่ยงมากกว่า แต่ก็เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถสร้างความแตกต่างและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและการเติบโตในระยะยาว
1. มีอิสระเต็มที่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์
2. สามารถควบคุมคุณภาพได้อย่างเต็มที่
3. มีโอกาสสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้มากกว่า
• ต้นทุนสูงมาก ทั้งในแง่ของการลงทุนในโรงงานและอุปกรณ์
• ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการผลิตและการบริหารจัดการโรงงาน
• มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องรับผิดชอบทุกขั้นตอนด้วยตนเอง
การเลือกรูปแบบการผลิตที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้:
1. งบประมาณ: หากคุณมีงบประมาณจำกัด OEM อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณมีเงินทุนมากขึ้น ODM หรือ OBM อาจเหมาะสมกว่า
2. ประสบการณ์: ผู้เริ่มต้นธุรกิจหรือเจ้าของแบรนด์มือใหม่อาจเหมาะกับ OEM หรือ ODM มากกว่า เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาได้ตลอด
3. ความต้องการในการควบคุม: หากคุณต้องการควบคุมทุกขั้นตอนของการผลิต OBM อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
4. เวลา: OEM สามารถเริ่มผลิตได้เร็วที่สุด ในขณะที่ ODM และ OBM ต้องใช้เวลามากกว่าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
5. เป้าหมายระยะยาว: หากคุณต้องการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ODM หรือ OBM อาจเหมาะสมกว่า
การสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของคุณเองเป็นความท้าทายอย่างมาก นอกจากการเลือกรูปแบบการผลิตที่เหมาะสมแล้ว การเลือกโรงงานที่มีคุณภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน ขอชวนมาดู >> Checklist ขั้นตอนการเลือกโรงงานผลิตเพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาการเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมนะคะ
หากคุณกำลังมองหาโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน GMP, ISO, GHP และพร้อมให้บริการแบบครบวงจร ไม่ว่าคุณจะเลือกผลิตแบบ OEM หรือ ODM เราขอแนะนำให้คุณพิจารณาโรงงานพรีมา แคร์ เรามีประสบการณ์ในการผลิตเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 20 ปี พร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คำปรึกษาและสนับสนุนคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพัฒนาสูตร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการจดแจ้ง อย. และการวางแผนการตลาด
ติดต่อเราวันนี้!! เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการผลิตเครื่องสำอาง ครีม อาหารเสริม และให้เราช่วยคุณสร้างแบรนด์เครื่องสำอางที่ประสบความสำเร็จ!
อ้างอิง: https://oem-cosmetic.com/en/blog/what-is-oem-cosmetic
แลปผลิต ครีม อาหารเสริม
55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
จันทร์ - เสาร์
08.30 - 17.30
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์