สิวเป็นโรคผิวหนังทั่วไปที่เกิดจากสาเหตุหลายประการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แบคทีเรีย ความเครียด สุขอนามัยที่ไม่ดี และการอักเสบ อาหารก็มีส่วน การเกิดสิวสามารถกระตุ้นได้เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารบางชนิดน้อยหรือมากเกินไป สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย แม้ว่าจะพบได้บ่อยในวัยรุ่นและบางครั้งในผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน สิวจะขึ้นในช่วงเวลาที่ฮอร์โมนไม่สมดุล เมื่อต่อมผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ รูขุมขนบนผิวหนังจะอุดตัน ทำให้แบคทีเรีย (และสิว) เติบโตได้ สิวมีหลายรูปแบบ เช่น สิวหัวดำ สิวหัวขาว ซีสต์ และก้อน โดยทั่วไปแล้วจะใช้ยากำจัดสิว เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ยาปฏิชีวนะ เช่น เตตราไซคลีน และยาที่มีวิตามินเอ เช่น ไอโซเทรติโนอิน อีกวิธีหนึ่งคือ การรักษาแบบธรรมชาติ เช่น การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริม หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็สามารถช่วยลดอาการสิวได้ การรู้ว่ามีสารอาหารชนิดใดช่วยรักษาสิวและลดรอยแผล จากสิวได้ เป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะแนะนำสารอาหารที่จะช่วยป้องกันและรักษาสิวให้คุณ
- ซิงค์ หรือ สังกะสี (zinc): สังกะสีช่วยยับยั้งการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ยังลดการผลิตไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ซึ่งสามารถปิดกั้นรูขุมขนและกระตุ้นการอักเสบ มีการแนะนำให้ใช้สังกะสีในการรักษาสิวฮอร์โมน สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์คอลลาเจน รวมถึงการลดการผลิตไขมัน (อาจโดยการลดแอนโดรเจน) และช่วยรักษาระดับการอักเสบที่เหมาะสม การอักเสบจะทำให้สิวแย่ลงและทำให้การรักษาล่าช้า สังกะสียังมีคุณสมบัติต้านจุลชีพซึ่งสามารถช่วยลดแบคทีเรียบนผิวหนังที่ก่อให้เกิดสิวได้ ร่างกายต้องการสังกะสีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับผู้ใหญ่แนะนำ 8-11 มิลลิกรัม (มก.)
- โปรไบโอติก (Probiotics): สุขภาพลำไส้ที่ไม่แข็งแรงเชื่อมโยงกับสภาพผิวที่แย่รวมถึงการเกิดสิวด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรไบโอติกช่วยในการสร้างไมโครไบโอม (microbiome) ในลำไส้ให้แข็งแรง โปรไบโอติกสามารถลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับสิวจากฮอร์โมนได้เนื่องจากช่วยในกระบวนการและกำจัดฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกิน
- วิตามินเอ (vitamin A): เป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิว มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ควบคุมความสามารถของร่างกายในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้รูขุมขนปราศจากความมัน แบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่ก่อให้เกิดสิว และลดการเกิดฝ้า วิตามินเอยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการบวมและแดงของสิวอักเสบ พบได้ในผักและผลไม้หลายชนิด เช่น แครอท มันเทศ และสควอช หากรับประทานทานวิตามินเอเสริม ต้องจำกัดปริมาณวิตามินเอที่บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างตั้งครรภ์ ดังนั้นผู้หญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ควรตรวจสอบกับแพทย์ก่อนเริ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ หากมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อทารกที่กำลังพัฒนาได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์ผิวหนังอาจสั่งยาเม็ดวิตามินเอในปริมาณต่ำเพื่อใช้ในการรักษาสิวในระดับปานกลางที่สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพผิวที่ดี
- วิตามินดี (vitamin D): วิตามินดีเป็นสารต้านการอักเสบที่มีศักยภาพ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อระดับวิตามินดีต่ำจะเชื่อมโยงกับสภาพผิวต่างๆ เช่น ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน และสิวอักเสบ การขาดวิตามินดีอาจทำให้อาการสิวแย่ลงได้ ควรรับประทานวิตามินดี 1,000 IU วิตามินดียังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและจำเป็นต่อสุขภาพกระดูก นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรค
- ซีลีเนียม (selenium): ซีลีเนียมเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ การขาดแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินี้ มีส่วนทำให้เกิดภาวะผิวหนังอักเสบ เช่น สิว และทำให้ควบคุมการเกิดสิวได้ยากขึ้น เนื่องจากซีลีเนียมควบคุมการทำงานของเอนไซม์กลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดสิวอักเสบและทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
- สารสกัดจากชาเขียว (Green tea Extract): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากชาเขียวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นสิว การรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยสารสกัดจากชาเขียว 1,500 มก. เป็นเวลา 4 สัปดาห์พบว่ารอยสิวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- บาร์เบอรี่ (Barberry): มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดรอยสิวได้อย่างมีนัยสำคัญ สามารถยับยั้งการสร้างกรดไขมันในต่อมไขมันและยังชี้ให้เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการรักษาสิว การรับประทาน Barberry 600 มก. เป็นเวลา 4 สัปดาห์ รอยสิวอักเสบและความรุนแรงของสิวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวผดในระดับปานกลางถึงรุนแรง
- โอเมก้า-3 (Omega-3): การบริโภคน้ำมันปลาที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 ในปริมาณสูง มีการวิจัยชี้ให้เห็นว่าสามารถลดสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงได้ การได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 2,000 มก. ทุกวันเป็นเวลา 10 สัปดาห์ โรคสิวอักเสบและไม่อักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่มีผลเสียใดๆ
- แมกนีเซียมและแคลเซียม (magnesium and calcium): แมกนีเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการต่อสู้กับการอักเสบในร่างกายรวมถึงผิวหนังด้วย เมื่อรับประทานร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียม จะสามารถลดอาการสิวอักเสบและช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน แมกนีเซียมไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไปสำหรับการรักษาสิว แต่ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน เนื่องจากแมกนีเซียมช่วยบรรเทาความเครียดและมีส่วนในการเผาผลาญฮอร์โมน แมกนีเซียมยังสามารถช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ด้วยการส่งเสริมการขับฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกินที่อาจส่งผลต่อความไม่สมดุลของฮอร์โมน เนื่องจากการตอบสนองต่อความเครียดและฮอร์โมนของคุณเชื่อมโยงกัน แมกนีเซียมจึงถูกใช้เพื่อลดระดับความเครียด ช่วยสนับสนุนการนอนหลับ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในแนวปฏิบัติที่ส่งเสริมสุขภาพผิวและชะลอวัย
- วิตามินอี (vitamin E): วิตามินอีมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่สามารถช่วยฟื้นฟูและการรักษาผิว ปริมาณวิตามินอีกับวิตามินเอปริมาณต่ำในร่างกายมีความสัมพันธ์กับการเกิดสิว โดยผู้ที่มีระดับวิตามินอีต่ำมีอัตราการเกิดสิว กลาก และโรคสะเก็ดเงินสูงกว่า วิตามินอีสามารถได้จากถั่ว เมล็ดพืช และน้ำมัน แต่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทาง
- วิตามินบี (vitamin B): วิตามินบีคอมเพล็กซ์ (vitamin B complex) ช่วยในการกระตุ้นเอนไซม์และมีบทบาทในการผลิตฮอร์โมนและความสมดุล ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินบียังสามารถช่วยลดความแห้งกร้านและความหยาบกร้านที่เกี่ยวข้องกับผิวแห้งและเป็นสิวได้ Nicotinamide เป็นรูปแบบของวิตามินบี 3 พบว่ามีประสิทธิภาพในการลดอาการสิว
- วิตามินซี (vitamin C): วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบที่ก่อให้เกิดสิวได้ นอกจากนี้ยังอาจช่วยเรื่องแผลเป็นด้วยการช่วยในการสังเคราะห์การผลิตคอลลาเจนและการรักษาบาดแผล เช่นเดียวกับวิตามินเอ วิตามินซีพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น เบอร์รี่ ผลไม้รสเปรี้ยว ผักใบเขียว และมะเขือเทศ
และนี่คือ สารอาหารที่มีบทบาทแก้ปัญหาสิว ลดสิว อยากเคลียร์สิวผิวใส ลองหามาทานกันนะคะ แต่ถ้าสนใจสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ เครื่องสำอาง ดูแลผิวที่เป็นสิว ปรึกษาพรีมา แคร์ได้เลยนะคะ
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์