การเสื่อมสลายของกระดูกอ่อน การสูญเสียสภาวะสมดุลของกระดูกอ่อน ส่งผลให้เส้นใยเมทริกซ์นอกเซลล์ที่อุดมด้วยคอลลาเจนและโปรตีโอไกลแคนลดลงเกิดการสึกกร่อนของผิวข้อ ถือเป็นลักษณะสำคัญของโรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) อันเกิดจากกระดูกอ่อน (Cartilage) ในข้อเข่าที่เสื่อมสภาพลงเนื่องด้วยอายุที่มากขึ้น น้ำหนักตัว การใช้งานข้อเข่า หรือปัญหาสุขภาพ ทำให้ช่องว่างข้อต่อแคบลง กระดูกเกิดการเสียดสีกันโดยไร้ตัวรับน้ำหนักหรือกันกระแทกจนสร้างความเจ็บปวดขณะเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก มีเสียงขณะขยับเข่า เข่าบวม เข่ายึด ข้อต่อแข็งเกร็ง หรือรู้สึกอุ่นบริเวณข้อต่อ
คอลลาเจนไทป์ทู (Collagen Type II) หรือ คอลาเจนชนิดที่2 เป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกอ่อนผิวข้อ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ครอบคลุมส่วนปลายของกระดูกยาว ช่วยป้องกันการเสียดสีและการสึกหรอในการเคลื่อนไหวของข้อต่อ เส้นใยคอลลาเจนผสมด้วยเส้นใยเมทริกซ์โปรตีโอไกลแคนที่ให้ความชุ่มชื้นและให้การปกป้องและกันกระแทกในข้อต่อ
ในปัจจุบันคอลลาเจนไทป์ทู นั้นมี 2 แบบที่ใช้สำหรับการรับประทานเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพของข้อต่อ คือ คอลลาเจนชนิดไม่ผ่านกระบวนการ (Undenatured (Native) Type II Collagen) และชนิดที่ผ่านกระบวนการ (Denature Type II Collagen) หรือที่เราเรียกว่าไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed collagen)
Hydrolyzed collagen หรือ denatured collagen คือ คอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยให้มีขนาดเล็กลง แตกออก เป็น คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ (Hydrolyzed collagen) ซึ่งเพิ่มการละลายน้ำและทำให้ถูกดูดซึมได้ดีขึ้น
คอลลาเจนไทป์ทู ที่ไม่ผ่านกระบวนการ (ธรรมชาติ) (Undenatured (Native) Type II Collagen) ซึ่งมีโครงสร้างใกล้เคียงกับคอลลาเจนในกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่า ปัจจุบันจึงกลายเป็นที่นิยมในฐานะส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ต้องการปรับปรุงสุขภาพข้อต่อ บรรเทาอาการตึงและช่วยการเคลื่อนไหวร่างกายให้คล่องตัว มีการศึกษาวิจัยว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนเพื่อรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมนั้นให้มีประสิทธิภาพจะต้องรับประทานในปริมาณต่างกัน โดยคอลลาเจนไฮโดรไลซ์ควรรับประทานในปริมาณ 2 กรัม/วัน หรือ 10 กรัม/วัน ในขณะที่คอลลาเจนไทป์ทูชนิดที่ไม่ผ่านการกระบวนการรับประทานปริมาณ 40 มก. ต่อวัน
สำหรับรูปแบบผลิตภัณฑ์คอลลาเจนในตลาด มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นคอลลาเจนเดี่ยว หรือคอลลาเจนรวมกับวิตามินหรือสารสำคัญอื่นๆ เช่น วิตามินซี วิตามินดี โคเอนไซม์คิวเทน คอนดรอยติน กลูโคซามีน หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น มีทั้งแบบที่เป็นเม็ด เป็นผงบรรจุซองละลายน้ำ แบบผงบรรจุกระป๋องใหญ่ หรือแบบผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งแตกต่างกันทั้งในชนิดของคอลลาเจน ปริมาณคอลลาเจน วิธีรับประทานและระยะเวลารับประทาน ประสิทธิภาพและข้อบ่งใช้
คอลลาเจนขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยา จึงไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค
อย่างไรก็ตาม ขนาดคอลลาเจนที่แนะนำและระยะเวลาในการรับประทานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ
ควรรับประทานคอลลาเจนไฮโดรไลซ์ในขณะท้องว่าง เพราะหากทานหลังรับประทานอาหาร เอนไซม์ย่อยและกรดในกระเพาะ จะมีการหลั่งออกมามากทำให้คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ที่เป็นโปรตีนโดยย่อยและลดประสิทธิภาพลงได้
การใช้คอลลาเจน มีข้อพึงระวังในกรณีต่อไปนี้
แม้ว่าการบริโภคคอลลาเจนในปริมาณสูงๆจะไม่มีอันตราย แต่สารเติมแต่งอื่นที่นอกเหนือจากคอลลาเจน เช่น สารแต่งสี แต่งกลิ่นรส อาจเป็นอันตรายได้ หากรับประทานในขนาดที่สูงเกินไป จึงต้องดูส่วนประกอบผลิตภัณฑ์และระมัดระวังใรส่วนนี้เพิ่มเติม พร้อมทั้งเลือกคออลาเจนที่ผลิตจากโรงงานมาตรฐาน เพื่อบริโภคอย่างปลอดภัยค่ะ
แลปผลิต ครีม อาหารเสริม
55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
จันทร์ - เสาร์
08.30 - 17.30
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์