ทุกวันนี้โลกเต็มไปด้วยมลพิษ และสิ่งแปลกปลอมมากมาย ทั้งสิ่งมองเห็นและมองไม่เห็น เมื่อสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายจะมีระบบหนึ่งที่ทำงานทันที นั่นคือ “ระบบภูมิคุ้มกัน” และเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติหรือภูมิคุ้มกันต่ำลง ร่างกายของเราก็จะมีการแสดงอาการต่าง ๆ เพื่อเป็นการแสดงให้เรารู้ว่าภูมิคุ้มกันตก วันนี้พรีมา แคร์ จึงชวนมาเลือกอาหารเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายกันค่ะ
ระบบภูมิคุ้มกัน คือ ระบบที่จะช่วยทำหน้าที่ป้องกันและกำจัดอันตรายจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือสารพิษ ที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและระบบต่าง ๆ อีกทั้งยังมีหน้าที่ตรวจสอบและตอบสนองต่อการติดเชื้อเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ระบบภูมิคุ้มกันของเราก็มีบางครั้งที่ไม่ได้แข็งแรงพอที่จะต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอม และเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติหรือภูมิคุ้มกันต่ำลง ร่างกายของเราก็จะมีการแสดงอาการต่าง ๆ เพื่อเป็นการแสดงให้เรารู้ว่าภูมิคุ้มกันตก
อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน ได้แก่
การเลือกอาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเสริมไม่ควรเป็นตัวแทนการบริโภคอาหารที่หลักในปริมาณและคุณภาพโภชนาการเพราะว่าอาหารเสริมไม่เป็นแหล่งโภชนาการที่ครบถ้วนทุกประเภท
นอกจากการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูงแล้ว การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันยังสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ เช่น
วิตามินซี
วิตามินซี ในผักและผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายช่วยกระตุ้นให้ระบบต้านอนุมูลอิสระทำงานได้อย่างปกติ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่ทำลายเชื้อโรคสามารถทำงานได้อย่างปกติ ปริมาณวิตามินซีที่ควรรับประทาน 80-100 มก./วัน อาหารที่มีวิตามิน C สูง เช่น ส้มโอ แตงกวา และผลไม้เข้มข้นอื่นๆ สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อได้
โปรไบโอติกส์ (Probiotics)
โปรไบโอติกส์ หรือจุลินทรีย์ชนิดที่ดี เช่น ตระกูล Lactobacillus และ Bifidobacterium ในผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวที่เยื่อบุผนังลำไส้เล็กส่วนปลายให้ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันและการอักเสบได้
วิตามินดี
วิตามินดี ช่วยสร้างสารแคทเธลิซิดิน(Cathelicidin) จากเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เม็ดเลือดขาวขยันทำงาน เพื่อออกมาต่อสู้โรคได้มากขึ้น เราสามารถรับวิตามินดีจากแสงแดด (อ่อนๆในตอนเช้าและเย็นๆ) เห็ดต่างๆ ปลาต่างๆ (โดยเฉพาะปลาแซลม่อน) นม ชีส น้ำส้ม โยเกิร์ต โดยวัยทำงานต้องการวิตามินดีประมาณ 600 IU ต่อวัน
วิตามิน D: อาหารเสริมที่มีวิตามิน D เช่น น้ำปลาป่น ไข่แดง และโรงงานผลิตวิตามิน D สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและส่งเสริมการสร้างฮอร์โมนในร่างกายได้
วิตามินเอ
วิตามินเอเป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเพื่อสุขภาพดี แต่การทานวิตามินเอเกินจำเป็นอาจมีผลกระทบต่อร่างกาย ดังนั้น ควรทานวิตามินเอตามปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น แนะนำให้ผู้ใหญ่ทานวิตามินเอไม่เกิน 3000 ไมโครกรัมต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณวิตามินเอใน 6 ถุงมือขนาดเล็ก หรือ 1 ฟองซูชิ เป็นต้น
วิตามินเอ ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และเพิ่มความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว จึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ เราสามารถรับวิตามินเอได้จาก ตับปลา แครอท ผักโขม ฟักข้าว มะเขือเทศ เสาวรส บรอคโคลี่ เป็นต้น
ธาตุเหล็ก
แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง ส่วนเนื้อขาว เช่น ปลา ไก่ จะมีเหล็กในปริมาณที่น้อยกว่าเนื้อแดงที่มีน้ำหนักเท่ากัน โดยผู้หญิงวัยทำงานต้องการธาตุเหล็กประมาณ 20 มิลลิกรัมต่อวัน ขณะที่ผู้ชายต้องการประมาณ 11.5 มิลลิกรัมต่อวัน นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือ ธาตุเหล็กจะได้รับการดูดซึมได้ดียิ่งขึ้นหากในอาหารมื้อนั้น ๆ
ขิง
ขิงมีคุณสมบัติเสริมภูมิคุ้มกันที่โดดเด่น พบว่าขิงอาจช่วยต้านเชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ที่ก่อโรคในระบบทางเดินหายใจ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) ที่เป็นสาเหตุของอาการติดเชื้อในทางเดินอาหารสารอาหารในขิงยังอาจส่งผลดีต่อคนที่มีอาการอักเสบเรื้อรัง อย่างโรคข้ออักเสบชนิดต่าง ๆ ด้วย ซึ่งมีผลส่วนหนึ่งมาจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และขิงยังอาจช่วยขับลมได้ด้วย
แลปผลิต ครีม อาหารเสริม
55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
จันทร์ - เสาร์
08.30 - 17.30
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์