ปลดล็อกพลังเรตินอล ค้นหาคู่หูที่ลงตัว ใช้คู่กับอะไรแล้วดี เรตินอล ห้ามใช้กับอะไร เพื่อเผยผิวสวยใส ไร้ริ้วรอย พร้อมลดโอกาสการระคายเคือง เรียนรู้วิธีการใช้เรตินอลอย่างถูกต้อง ปลอดภัยผ่านบทความนี้กันค่ะ
เรตินอล หนึ่งในสุดยอดสารสำคัญในวงการสกินแคร์ ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพในการต่อสู้กับริ้วรอยแห่งวัย แต่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความระมัดระวังในการใช้งาน การจับคู่เรตินอลกับสารสำคัญอื่นๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งลดโอกาสการระคายเคือง
เรตินอล เร่งการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง กรดไฮยาลูโรนิก(Hyaluronic Acid) จึงเปรียบเสมือนฮีโร่ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการแห้งกร้านและระคายเคืองจากเรตินอลได้
เรตินอลและเปปไทด์ (Peptides) เป็นสารบำรุงที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เสริมสร้างโครงสร้างผิว ให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น ช่วยให้ริ้วรอยต่างๆแลดูจางลง พร้อมช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย การนำทั้ง 2 ตัวมาใช้ร่วมกันจึงช่วยเสริมฤทธิ์กันได้อย่างดีเยี่ยม ผู้ที่ต้องการดูแลปัญหาผิว มองหาผลิตภัณฑ์กลุ่ม anti-aging อยู่ หรือเจ้าของแบรนด์ครีม ที่กำลังมองหาส่วนผสมเพื่อตอบโจทย์กลุ่ม Baby Boomer หรือ Gen X แนะนำคู่หูชะลอวัยนี้เลย!
ด้วยคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวของเรตินอล จึงเพิ่มการสูญเสียน้ำทำให้ผิวแห้ง ลอก และมีฤทธ์ทำลายเกราะป้องกันผิวได้ การใช้ไนอาซินาไมด์(Niacinamide) ควบคู่จะช่วยปลอบประโลม ลดการระคายเคือง เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมเสริมฤทธิ์กันช่วยปรับผิวให้สม่ำเสมอทั่วทั้งใบหน้าอีกด้วย
Allantoin(อัลลันโทลิน) มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องการปลอบประโลมผิว ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองจากการแพ้ได้ แถมยังมีฤทธิ์กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งในการนำมาจับคู่ดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย แต่อยากใช้เรตินอล
สารสกัดจากชาเขียว(Green Tea) มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ สาเหตุของริ้วรอยแห่งวัย จึงช่วยชะลอการแก่ก่อน ป้องกันผิวจากริ้วรอยและจุดด่างดำ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์บรรเทาผิวที่ระคายเคือง ปลอบประโลมผิวเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เมื่อนำมาใช้คู่กับเรตินอลนอกจากช่วยเสริมฤทธิ์กันแก่ ยังสามารถทำให้การระคายเคืองบริเวณผิวลดลง ลดรอยบวม แดง หรืออักเสบได้
ทั้งเรตินอลและAHA มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวทั้งคู่ ยิ่งนำมาใช้คู่กันอาจทำให้ผิวระคายเคือง แสบ แดง ผิวลอก และบอบบางได้ หากต้องการเห็นผลไวขึ้นอาจใช้การดูแลผิวแบบ Skin Cycling ได้ ที่สำคัญคือห้ามใช้ติดกันทุกวัน ควรพักวันให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผิวแบบ Skin Cycling ได้ที่นี่
แล้วทำไมบางแบรนด์ถึงนำเรตินอลและ AHA มาใช้ร่วมกันในสูตรเดียวกัน?
คำตอบคือ: เทคโนโลยีและการพัฒนาสูตรที่ทันสมัย
ปัจจุบัน แบรนด์สกินแคร์หลายแห่งมีเทคโนโลยีที่ช่วย encapsulate เรตินอล ให้ซึมเข้าสู่ผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงช่วยลดโอกาสการระคายเคือง
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอลและ AHA ในสูตรเดียวกัน: CSP 81 P.C. RETINOL DAILY YOUTH SLEEPING MASK
เรตินอลและ BHA มีคุณสมบัติที่โดดเด่นเหมือนกันคือการผลัดเซลล์ผิวและช่วยลดสิวได้ดี จึงเป็นคอมโบเซ็ตที่ลงตัวสำหรับผู้ที่เป็นสิว ต้องการขจัดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน แต่ข้อควรระวังในการใช้คู่หูสิวหายนี้ คืออาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองเหมือนกับ คู่เรตินอลและahaเลยค่ะ ดังนั้นควรเว้นระยะการใช้กับเรตินอล 24 ชั่วโมงนะคะ
การใช้เรตินอลหลายชนิดพร้อมกัน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรงได้
เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เป็นยารักษาสิวที่มีฤทธ์เข้มข้น การใข้ร่วมกันอาจทำให้ผิระคายเคืองร้ายแรงได้เช่นกัน จึงควรเว้นระยะการใช้กับเรตินอล 24 ชั่วโมง
เรตินอลและวิตามินซี ต่างกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวกระจ่างใส แต่ไม่ควรใช้คู่กันเพราะทำให้ผิวไวต่อแสงแดด แนะนำให้ใช้เรตินอลตอนกลางคืน และวิตามินซีตอนกลางวัน
1. เริ่มต้นใช้เรตินอลความเข้มข้นต่ำ ค่อยๆ ปรับเพิ่มเมื่อผิวปรับสภาพได้
2. ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกเช้า
3. ทาเรตินอลช่วงกลางคืน
4. เว้นระยะการใช้เรตินอลกับ AHA/BHA
5. หากมีผิวแพ้ง่าย ปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้
6. ก่อนการทา แนะนำให้ทดสอบผลิตภัณฑ์บริเวณท้องแขนก่อน 24 ชั่วโมง เพื่อดูว่าแพ้หรือไม่
1. ห้ามใช้: ผู้หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือวางแผนตั้งครรภ์ จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติในทารกได้
2. ระวังแสงแดด: เรตินอลจะทำให้ผิวมีความไวต่อแดดมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดเป็นประจำ
3. สำหรับผู้เริ่มต้น: ควรใช้เรตินอลความเข้มข้นต่ำๆก่อน ทาเฉพาะกลางคืน 2 ครั้งต่อสัปดาห์หรือวันเว้นวันในช่วงแรก เพื่อให้ผิวได้ปรับตัว ลดการเกิดอาการแพ้ ระคายเคือง
4. ห้ามใช้ร่วมกับ: ควรหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอลร่วมกับ ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว อื่นๆ เช่น เรตินอยด์อื่นๆ, วิตามินซี, AHA, BHA อาจทำให้ผิวแห้ง หรือลอกได้
อย่างไรก็ตาม อาจมีสูตรเฉพาะของผลิตภัณฑ์ที่ผสมเรตินอลกับวิตามินซี AHA หรือ BHA ซึ่งผ่านการทดสอบและพัฒนาสูตรมาแล้ว จึงช่วยลดการระคายเคืองต่อผิวได้
5. ระวังการระคายเคือง: หยุดใช้หากผิวแดง ลอก คัน แสบร้อน
การใช้ Retinol Sleeping Mask มีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องของการฟื้นฟูสภาพผิวในช่วงเวลาที่นอนหลับ มาดูกันว่าข้อดีและข้อเสียของ Retinol Sleeping Mask มีอะไรบ้าง
• ฟื้นฟูสภาพผิวขณะนอนหลับ
• ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
• กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
• เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว
• อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
• ต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดในช่วงกลางวันเพื่อป้องกันผิวจากการถูกทำลาย
• ใช้เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงแรกเพื่อให้ผิวคุ้นเคย
• ทาครีมบำรุงและเซรั่มที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs หรือ BHAs พร้อมกับ Retinol เพื่อลดความระคายเคือง
การสร้างแบรนด์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Retinol เป็นการลงทุนที่น่าสนใจเนื่องจาก Retinol เป็นส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับและมีประสิทธิภาพสูงในตลาด มาดูกันว่าข้อดีและโอกาสต่างๆ ของการทำธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง
• ตลาดเครื่องสำอางมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
• Retinol เป็นส่วนผสมที่มีความต้องการสูง
• ผู้บริโภคมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลผิวมากขึ้น
• มีผลการวิจัยสนับสนุนการใช้ Retinol ในการดูแลผิว
• ผลิตภัณฑ์ที่มี Retinol มักจะมีความต้องการสูงในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการดูแลผิวพรรณอย่างล้ำลึก
ทั้งนี้ท่านใดสนใจสร้างแบรนด์ความงาม พรีมา แคร์ โรงงานรับผลิตครีม รับผลิตเครื่องสำอาง ทำแบรนด์เวชสำอาง ตามมาตรฐาน GMP เรายินดีให้คำปรึกษาในการสร้างแบรนด์ครีม สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง รวมถึงสร้างแบรนด์อาหารเสริม
ช่องทางการติดต่อ
Line: @premacare
Inbox Facebook
Tel: 080-810-8109
แลปผลิต ครีม อาหารเสริม
55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
จันทร์ - เสาร์
08.30 - 17.30
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์