บริษัทพรีมา แคร์ โรงงานรับผลิตครีม เครื่องสำอาง เวชสำอาง สกินแคร์ ขอนำเสนอเทรนด์ความงามดูดเงิน 7 ประการที่มีกูรูแจ้งว่า จะสามารถทำเงินได้จากกระเป๋าผู้บริโภคคนไทยค่ะ
WGSN (World Global Style Network) เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์การจัดอันดับเทรนด์ด้านความงามในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวโดยสรุปว่าคนไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพของผิวพรรณกัน และ หันมาใช้เวชสำอางสมุนไพรกันเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ในปี 2565 นี้ ที่เราทุกคนเผชิญหน้ากับเจ้าตัวร้าย อย่างโควิด-19 ตลาดความงามก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิมค่ะ (เหมือนจะขายกันไม่ค่อยดี แต่จริงๆ ตลาดขายดีนะคะ) ทั้งนี้ WGSN ก็คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2565 - 2569 ตลาดความงามจะมีการเติบโต ถึง 5.4% พร้อมทั้งแนะนำ 7 เทรนด์ความงามไว้ว่าสินค้าต่อไปนี้จะดูดเงินจากกระเป๋าผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้นค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.smethailandclub.com
7 เทรนด์ความงามที่คนไทยให้ความสำคัญสูงสุด
ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเริ่มมีความต้องการที่จะบริโภคผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย ปราศจากสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การสร้างแบรนด์ความงามจึงควรให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพจะคำนึงถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น พวกเขาจึงมักจะศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับส่วนผสมต่างๆ มากขึ้นนั่นเอง ปัจจุบันจึงพบว่า ผู้บริโภคมักจะเลือกค้นหาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ รีวิวผลิตภัณฑ์ และ อื่นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ในอัตราที่สูงขึ้น
ปัจจุบันผู้บริโภคสืบค้นข้อมูลของผลิตภัณฑ์จากหลากหลายช่องทางมากยิ่งขึ้น จึงต้องการการข้อมูลสนับสนุนที่เชื่อถือได้ หนึ่งในนั้นคือการเชื่อถือการรีวิว หรือ คำรับรองจากผู้ที่เชื่อถือได้ เช่น แพทย์ผิวหนัง, influencer, ดาราเซเลปที่มีประวัติดี ไม่หลอกลวง เป็นต้น จุดนี้เองจะเป็น่วนที่ช่วยเสริมสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์สินค้าความงามในปัจจุบัน ส่งผลทำให้ปัจจุบันมีสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ผสานพลังกับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา เป็นต้น เรียกได้ว่า มีผลิตภัณฑ์กลุ่มต่างๆ มากมายที่ช่วยดูแลสุขภาพตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดีย ส่วนนี้เองที่ทำให้ตลาดความงามเติบโตรอย่างต่อเนื่อง มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมาย เช่น แชมพูแห้ง, ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันเส้นผม, โทนิก/เซรั่มสำหรับ Anti-hairlossครีม, มาสก์บำรุงเล็บ, มาสก์บำรุงมือและเท้า, มาสก์น้องสาว ซึ่งปัจจุบันพบว่ากลุ่มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะที่มีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากผมร่วงเป็นปัญหาด้านความงามที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของผู้บริโภคชาวไทย จึงมีแบรนด์ต่างๆ มากมายที่ผลิตเซรั่มสำหรับผมร่วงจัดจำหน่ายกันอย่างคึกคัก
สืบเนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบขึ้นของยุคปัจจุบัน และ แรงกระหน่ำจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีระดับความเครียดและความเหนื่อยล้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคถูกผลักดันให้คุ้นหาและบริโภคผลิตภัณฑ์/บริการด้านสุขภาพกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น น้ำมันนวด แช่เท้า เทียนหอม สปาเกลือ สปาหินร้อน รวมไปถึงมีการบริโภคผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและร่างกายผสมอโรมาเธอราพีเพื่อสร้างความผ่อนคลายกันเพิ่มขึ้น ซึ่งพบว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ค่่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าทรีตเมนต์ สปา และการพักผ่อนเพื่อสุขภาพก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ในปี 2565 นี้พบว่ากระแสการเปิดรับ LGBTQ ในประเทศไทยเปิดกว้างเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคเข้าใจและยอมรับเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ LGBTQ กันเพิ่มสูงขึ้น กระแสนี้เองจึงเปิดโอกาสให้ผู้ชายไทยมีความต้องการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจานี้ยังมีการคาดการว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทุกเพศจะได้รับความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้เจ้าของแบรนด์ควรโฟกัสการสื่อสารเรื่องคุณประโยชน์ที่ผุู้บริโภคจะได้รับจากการบริโภคสินค้าของตนให้เพิ่มมากขึ้น
การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพในปัจจุบันเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่องทาง e-commerce เนื่องด้วยเป็นสื่อที่ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้าถึงได้ และ มีบริการการจ่ายเงินค่าสินค้า รวมถึง การบริการจัดส่งสินค้าให้กับผู้บริโภคได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยพบว่า ร้อยละ 81 ของผู้บริโภคชาวไทย วางแผนที่จะใช้จ่ายมากขึ้นหรือเท่าเดิมกับสินค้าที่เกี่ยวกับความงาม โดยเฉพาะแบรนด์ใหม่ๆ ที่ได้รับการรีวิว และ ได้รับการยอมรับจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ
กระแสจากสังคมโลกทั่วโลก กำลังเรียกร้องให้เจ้าของแบรนด์ต่างๆ สร้างความรับผิดชอบต่อสังคมมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคชาวไทยก็ไม่น้อยหน้า ช่วยกันสนับสนุนจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการมองหาแบรนด์สินค้าความงามต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น แบรนด์ THREE ที่เป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากญี่ปุ่น ที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติไม่ปรุงแต่งสารเคมีจนมากเกิน แพ็กเกจผลิตภัณฑ์ที่มีความมินิมอล เป็นต้น
เป็นยังไงค่ะ เทรนด์ดีๆ ที่จะใช้ดูดเงินจากกระเป๋าของผู้บริโภคชาวไทย
หากสนใจสร้างทำแบรนด์ผลิตครีม เครื่องสำอาง เวชสำอาง สกินแคร์ อาหารเสริม เป็นของตัวเอง อย่ารอช้าค่ะ มาปรึกษากับเราได้ค่ะ พวกเราชาวพรีมา แคร์ฯ ยินดีบริการให้คำปรึกษาค่ะ
สนใจสูตรสินค้าและผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม สามารถตรวจสอบได้ที่ https://www.premacare.co.th
หรือ แอดไลน์เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line ID @premacare(มี@ด้วยนะคะ) / https://bit.ly/AddLinePremaCare
Hot line สายด่วน!!! 080-8108109
แลปผลิต ครีม อาหารเสริม
55/5 หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
111/888 หมู่ 5 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
จันทร์ - เสาร์
08.30 - 17.30
ช่องทาง SOCIAL MEDIA สำหรับ PREMA CARE
เพื่อรับคำปรึกษาสร้างแบรนด์ทำแบรนด์