วิตามินอี เป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับมนุษย์และสัตว์ ในธรรมชาติมีหลายรูปแบบ แต่วิตามินอีในรูปแบบ Alpha (α)-tocopherol acetate (ATA) มักใช้ในอาหารและผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยเฉพาะในการผลิต เพื่อ สร้างแบรนด์ ทำแบรนด์ เครื่องสำอาง อาหารเสริมเนื่องจากมีฤทธิ์ทางชีวภาพสูงและมีความเสถียรทางเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง RRR-alpha-tocopherol (หรือบางครั้งเรียกว่า d-alpha-tocopherol stereoisomer) Alpha-tocopheryl acetate (ATA) หรือที่รู้จักกันง่ายๆ ในชื่อ tocopheryl acetate เป็นรูปแบบสังเคราะห์ของวิตามินอีที่พบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีคุณสมบัติในปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระของออกซิเจน และคุณสมบัติอื่นๆนอกจากต้านอนุมูลอิสระ ช่วงวัยที่ควรได้รับวิตามินอี คือ

ประโยชน์

ใช้รักษาภาวะขาดวิตามินอี  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการลุกลามของโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (AMD) การป้องกันมะเร็งและอาการของการรักษามะเร็ง (เช่น ผลข้างเคียงของรังสีรักษา) รักษาโรคหัวใจ

ส่งเสริมสุขภาพผิว (เช่น ให้ความชุ่มชื้นและป้องกันริ้วรอย) ป้องกันการแก่ก่อนวัยของผิวหนังที่เกิดจากการฉายรังสียูวีและเปอร์ออกซิเดชัน  ช่วยในการสมานแผล ลดการอักเสบ

ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้

แม้ว่า tocopheryrl acetate จะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกินปริมาณที่แนะนำ ปริมาณอาหารที่แนะนำคือ 15 มิลลิกรัม (มก.) หรือ 22.4 หน่วยภายใน (IU) ในความเป็นจริงการรับประทานวิตามินอีมากเกินไปอาจทำให้เกิดความเป็นพิษได้ เนื่องจากวิตามินอีละลายในไขมัน ร่างกายจึงไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะในปริมาณที่มากเกินไปได้ การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียชีวิต  สำหรับถ้าเป็นส่วนประกอบในผลิตเสริมอาหาร จึงยังควรใช้ในปริมาณที่แนะนำต่อวัน