Resveratrol (เรสเวอราทรอล) คืออะไร?

Resveratrol (เรสเวอราทรอล) เป็นสารประกอบที่เป็นโพลีฟีนอลประเภท Phytoalexin (3,5,4'-trihydroxystilbene) ที่พบได้ในพืชตามธรรมชาติ พืชสร้างขึ้นในภาวะเครียด ทั้งที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิตเพื่อทำหน้าที่เป็นสารป้องกันตัวเอง โดยมักพบมากในองุ่นแดง ต้นหม่อน เบอร์รี่ และถั่วลิสง เรสเวอราทรอลมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายของเรา

สารประกอบนี้มีปริมาณสูงที่สุดในเมล็ดและเปลือกของผลองุ่นและเบอร์รี่ พบว่าในองุ่นมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าพืชชนิดอื่น ๆ องุ่นแดงมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าองุ่นเขียว เปลือกผลและเมล็ดมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าในเนื้อองุ่นหลายเท่า ซึ่งจะมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากขึ้นเมื่อผลไม้เหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการผลิตไวน์แดง สารเรสเวอราทรอลเป็นสารธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากมีความสามารถในการป้องกันโรคต่าง ๆ ได้หลายชนิด 

ความสนใจต่อเรสเวอราทรอลเพิ่มขึ้น  และมีงานวิจัยสนับสนุนต่อยอดมากมาย เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน (antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูง สูงกว่าวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ทำให้มีการสกัดสารเรสเวอราทรอลมาใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับสุขภาพ

การบริโภคเรสเวอราทรอลไม่จำเป็นต้องดื่มไวน์แดง แต่สามารถซื้อเป็นผลิตภัณฑ์สริมอาหารเพื่อรับประโยชน์จากสารเรสเวอราทรอลได้เช่นกัน

การทำงานของ Resveratrol 

Resveratrol (เรสเวอราทรอล) มีหลายกลไกที่ทำงานในร่างกายเพื่อส่งผลต่อสุขภาพ เช่น:

1. การกระตุ้นการผลิตเอนไซม์ SIRT1: Resveratrol สามารถกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ SIRT1 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งกระบวนการเกี่ยวข้องกับตายของเซลล์และการเสื่อมสภาพของเซลล์ เช่น กระบวนการออกซิเดชัน ทำให้เซลล์มีอายุยืนยาวขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ
2. การลดการออกซิเดชัน: Resveratrol เป็นสารต้านออกซิเดชันที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์และการเกิดโรคต่าง ๆ
3. การลดการอัมพฤกษ์: Resveratrol ช่วยลดการอัมพฤกษ์ในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสื่อมสภาพของเซลล์และการเกิดโรคต่าง ๆ
4. การเพิ่มประสิทธิภาพของไมโทรคอนเดีย: Resveratrol ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ ไมโทรคอนเดีย(mitochondria) ซึ่งเป็นอวัยวะที่ผลิตพลังงานให้กับเซลล์ ทำให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะที่เกี่ยวข้องกับสมองและหัวใจ
5. การลดการเสื่อมสภาพของเส้นเลือด: Resveratrol ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

ประโยชน์ของ เรสเวอราทรอล (Resveratrol)

ได้แก่ (อ่านเพิ่มเติม > ไม่รู้ถือว่าพลาด!! 7 คุณประโยชน์ที่ได้จาก Resveratrol 

ประโยชน์ของ Resveratrol มีดังนี้:

1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ: Resveratrol เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย มันช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพของเซลล์ เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, และโรคเกี่ยวกับสมอง
2. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรค: Resveratrol มีความเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
3. ลดอัตราการเกิดอัมพฤกษ์: Resveratrol มีฤทธิ์ที่ช่วยลดอัตราการเกิดอัมพฤกษ์ในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสื่อมสภาพของเซลล์และการเกิดโรคต่าง ๆ
4. ลดอัตราการเกิดภาวะที่เกี่ยวข้องกับสมอง: Resveratrol มีฤทธิ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน
5. ลดความดันเลือด: Resveratrol มีฤทธิ์ที่คล้ายกับอินซูลิน ซึ่งช่วยลดความดันเลือดในร่างกาย ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ควรทานเท่าไหร่ดี

ปัจจุบันข้อมูลที่มีการรายงานในงานวิจัยคือร้อยละ 0.05 ถึง 5 แต่ก็ยังไม่มีข้อกำหนดหรือรายงานที่แน่ชัดเกี่ยวกับขนาดการใช้ที่เหมาะสม ทั้งนี้สำหรับขนาดการใช้เรสเวอรทรอลในผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันต่างๆ นั้น พบว่ามีขนาดการใช้ที่แตกต่างกันในแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยขนาดที่มีการใช้ คือ 250 ถึง 1000 มิลลิกรัมต่อวัน นอกจากนี้ในผู้บริโภคบางคนอาจเพิ่มได้ถึง 5000 มิลลิกรัมต่อวันอีกด้วย

สรุป

เรสเวอราทรอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในองุ่น หรือไวน์แดง มีประโยชน์ที่เกี่ยวกับสุขภาพที่หลากหลายตามที่กล่าวมา  ซึ่งนอกจากองุ่นหรือไวน์แดงแล้ว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของเรสเวอราทรอลก็สามารถช่วยในเรื่องสุขภาพเหล่านั้นได้เช่นกัน ผู้ที่สนใจสร้างแบรนด์อาหารเสริมผลิตอาหารเสริมเรสเวอราทรอล ปรึกษา พรีมาแคร์ บริษัท รับผลิตสร้างแบรนด์อาหารเสริม ได้นะคะ

ที่มา :ข่าวสารน่ารู้จากศวท_มช. ฉบับที่ 35 ✨ประจำเดือนธันวาคม 2563 
สารเรสเวอราทรอลในผลองุ่น
สายชล เกตุษา
วารสารราชบัณฑิตยสถาน. ปีที่ 35 ฉบับที่ 4 (ต.ค.-ธ.ค. 2553) หน้า 650-656