ไขข้อข้องใจกันต่อ เกี่ยวกับเซราไมด์แบบครบถ้วน ทั้งประเภท วิธีใช้ ผลข้างเคียง คู่หูเซราไมด์ และข้อแนะนำในการพัฒนาสูตรจากผู้เชี่ยวชาญ! หากใครยังไม่ได้อ่านพาร์ทแรก ไปอ่านกันได้ที่ >>> FAQ เซราไมด์: เพื่อนแท้ของทุกสภาพผิว - Part 1

6. ผลิตภัณฑ์จากเซราไมด์มีประเภทใดบ้าง?

ผลิตภัณฑ์เซราไมด์พัฒนาสูตรได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ครีมบำรุงผิว โลชั่น เซรั่ม มาส์ก และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้ง เป็นต้น

1. ครีมบำรุงผิว (Moisturizing Cream)
   ครีมบำรุงผิวที่มีเซราไมด์เป็นส่วนประกอบสำคัญจะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ครีมเหล่านี้จะมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น ให้ความชุ่มชื้นล้ำลึกและช่วยกักเก็บน้ำในผิวได้ยาวนาน
2. โลชั่นบำรุงผิว (Moisturizing Lotion)
   โลชั่นบำรุงผิวที่มีเซราไมด์มักจะมีเนื้อบางเบากว่าครีม เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวธรรมดา โลชั่นสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วและไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นและชุ่มชื้น
3. เซรั่ม (Serum)
   เซรั่มที่มีเซราไมด์มักจะมีความเข้มข้นสูงและเนื้อบางเบา ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างผิวจากภายใน เหมาะสำหรับการใช้ในขั้นตอนแรกของการบำรุงผิว
4. คลีนเซอร์ (Cleanser)
   คลีนเซอร์ที่มีเซราไมด์จะช่วยทำความสะอาดผิวโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหรือสูญเสียความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย ช่วยให้ผิวสะอาดและชุ่มชื้นในขณะเดียวกัน
5. มาส์ก (Mask)
   มาส์กที่มีเซราไมด์จะให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวอย่างเข้มข้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เหมาะสำหรับการใช้เมื่อผิวต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น หลังจากเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง หรือเมื่อรู้สึกว่าผิวแห้งและขาดน้ำ
6. บาล์มบำรุงริมฝีปาก (Lip Balm)
   ริมฝีปากที่แห้งแตกสามารถได้รับประโยชน์จากบาล์มที่มีเซราไมด์ ซึ่งจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำ ทำให้ริมฝีปากนุ่มนวลและสุขภาพดี
7. ผลิตภัณฑ์ดูแลรอบดวงตา (Eye Cream)
   ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีเซราไมด์จะช่วยให้ผิวรอบดวงตาชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวบางและอ่อนไหวมากที่สุด
8. ผลิตภัณฑ์บำรุงผม (Hair Care)
   เซราไมด์ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะกับผิวเท่านั้น แต่ยังช่วยดูแลเส้นผมได้ด้วย ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มีเซราไมด์จะช่วยให้ผมแข็งแรง นุ่มลื่น และมีสุขภาพดี โดยเฉพาะผมที่แห้งเสียจากการทำสีหรือการใช้ความร้อน
9. ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen)
   บางผลิตภัณฑ์กันแดดมีการผสมเซราไมด์เพื่อให้ความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวจากแสงแดด ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและป้องกันการแห้งกร้านจากการถูกแสงแดด

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์จึงมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการเฉพาะของแต่ละคนค่ะ ไม่ว่าคุณจะมีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและมีเซราไมด์เป็นส่วนประกอบจะช่วยให้ผิวของคุณสุขภาพดีและแข็งแรงไปอีกนานค่ะ

7. วิธีใช้ผลิตภัณฑ์เซราไมด์

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์อย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากส่วนประกอบที่มีคุณค่านี้ค่ะ มาดูกันว่าคุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เซราไมด์ได้อย่างไรในขั้นตอนการดูแลผิวประจำวัน

ขั้นตอนที่ 1: ทำความสะอาดผิว
ก่อนที่จะเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เซราไมด์ ควรทำความสะอาดผิวด้วยคลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ คลีนเซอร์ที่มีเซราไมด์สามารถช่วยทำความสะอาดผิวโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

ขั้นตอนที่ 2: โทนเนอร์
หลังจากล้างหน้าเสร็จ ควรใช้โทนเนอร์เพื่อปรับสมดุลของผิว โทนเนอร์จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 3: เซรั่ม
ใช้เซรั่มที่มีเซราไมด์เป็นขั้นตอนแรกของการบำรุงผิว เซรั่มจะมีเนื้อบางเบาและสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว นวดเบา ๆ ให้เซรั่มซึมเข้าสู่ผิวโดยใช้ปลายนิ้ว

ขั้นตอนที่ 4: มอยส์เจอร์ไรเซอร์
หลังจากใช้เซรั่ม ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีเซราไมด์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำในผิว เลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ หากคุณมีผิวแห้ง ควรเลือกครีมที่มีเนื้อเข้มข้น สำหรับผิวมันหรือผิวผสม อาจเลือกโลชั่นที่มีเนื้อบางเบากว่า

ขั้นตอนที่ 5: ผลิตภัณฑ์ดูแลเฉพาะจุด
หากคุณมีปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น ผิวรอบดวงตาหรือริมฝีปาก ควรใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะจุดที่มีเซราไมด์ เช่น ครีมบำรุงรอบดวงตาหรือบาล์มบำรุงริมฝีปาก

ขั้นตอนที่ 6: ครีมกันแดด
ในตอนเช้า หลังจากขั้นตอนการบำรุงผิวทั้งหมด ควรใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งอาจทำให้ผิวสูญเสียเซราไมด์และทำร้ายผิวได้

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการใช้ผลิตภัณฑ์เซราไมด์

1. การเลือกผลิตภัณฑ์: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์ในความเข้มข้นที่เหมาะสม และเหมาะกับสภาพผิวของคุณ หากคุณมีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอมและสารระคายเคือง
2. การนวดหน้า: เมื่อทาผลิตภัณฑ์เซราไมด์ ควรนวดเบา ๆ บนผิวหน้าเพื่อช่วยให้เซราไมด์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น การนวดเบายังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวดูสดใส
3. การใช้อย่างต่อเนื่อง: การใช้ผลิตภัณฑ์เซราไมด์อย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและรักษาความชุ่มชื้นในระยะยาว
4. การดูแลผิวในชีวิตประจำวัน: นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์เซราไมด์ ควรดูแลผิวด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารระคายเคือง เช่น สารเคมีและแสงแดดจัด

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์อย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวของคุณได้รับการดูแลอย่างเต็มที่และมีสุขภาพดีค่ะ

8. ผลข้างเคียงของผลิตภัณฑ์เซราไมด์

ผลิตภัณฑ์เซราไมด์โดยทั่วไปปลอดภัยต่อการใช้ แต่บางคนอาจแพ้ส่วนผสมอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นควรทดสอบผลิตภัณฑ์บริเวณท้องแขนหรือบางส่วนของใบหน้าก่อนใช้นะคะ ซึ่งผลข้างเคียงของผลิตภัณฑ์เซราไมด์(Ceramide) จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสูตรและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์นั้นๆ และอาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันขึ้นตามบุคคลและการใช้งานเช่นกัน และหากมีอาการผิวหนังที่ผิดปกติ เช่น ระคายเคือง ควรหยุดการใช้งานและปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันปัญหาจากการใช้ผลิตภัณฑ์เซราไมด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยค่ะ

9. เซราไมด์ใช้กับคู่กับอะไรได้บ้าง?

ผลิตภัณฑ์เซราไมด์มีความอ่อนโยน สามารถใช้คู่กับ Active Ingredients อื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็น AHA, เรตินอล หรือสารแอนติออกซิแดนซ์อื่นๆ ซึ่งจะยิ่งช่วยในการปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง แห้ง แสบ หรือคันจากส่วนผสมดังกล่าวได้ จึงสามารถใช้หลังทำหัตถการได้ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วเจ้าของแบรนด์มักพัฒนาสูตรครีมหรือสกินแคร์จากส่วนผสมของเซราไมด์ร่วมกับไฮยารูรอนนิค แอซิด หรือ Pro-Vitamin B5 เพื่อช่วยส่งเสริมคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นกับผิว ฟื้นฟูผิวได้ดียิ่งขึ้น 

Tips:

• เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์หลากหลายชนิด เพื่อประสิทธิภาพครอบคลุม
• ทานอาหารเสริมเซราไมด์ควบคู่ไปกับการทา เพื่อเสริมฤทธิ์จากภายในสู่ภายนอกได้ดียิ่งขึ้น

ผลิตภัณฑ์ skincare ที่มีเซราไมด์เป็นส่วนผสมสามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการ

10. ข้อแนะนำในการพัฒนาสูตร จากเซราไมด์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

การใช้โดยทั่วไปจะใช้ในความเข้มข้น 0.1% ถึง 1% และมักจะใช้ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ  เช่น กรดไฮยาลูโรนิกและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ  เพื่อประโยชน์สูงสุด ดังนั้นเมื่อต้องการพัฒนาสูตร skincare ที่มีเซราไมด์เป็นส่วนผสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นี่คือข้อแนะนำที่สามารถช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีได้ค่ะ:

• ความเข้มข้นของเซราไมด์: ควรใช้เซราไมด์ในสูตรที่มีความเข้มข้นเพียงพอที่จะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ไขปัญหาของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• การเลือกสารสกัดเสริม: สารสกัดเสริมที่ใช้ร่วมกับเซราไมด์ควรเป็นสารที่สามารถเสริมสร้างประสิทธิภาพของเซราไมด์และช่วยปรับสมดุลสารสกัดที่ใช้ได้อย่างเหมาะสม
• ความเป็นอินทรีย์: การเลือกเซราไมด์ที่มีคุณภาพและเป็นอินทรีย์จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า โดยเฉพาะถ้าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่แพ้ง่ายหรือผิวที่มีปัญหาเฉพาะ เช่น ผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย
• การควบคุมความสมดุล: สูตรควรมีสมดุลของส่วนผสมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับการใช้งานในระยะยาว ไม่ควรมีสารเคมีที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสารที่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวหรือผิวหนังในระยะยาว
• การทดลองเชิงคลินิก: การทดลองผลิตภัณฑ์ในสภาวะคลินิก หรือการทดสอบบนกลุ่มผู้รับผิดชอบจริงจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น
• การรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์: ควรมีการรักษาคุณภาพและการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่เหมาะสมตามที่กำหนด

โดยสรุป การพัฒนาสูตรที่มีเซราไมด์เป็นส่วนผสมต้องคำนึงถึงคุณภาพของเซราไมด์และสารสกัดอื่นๆ การควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการทดสอบเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้อย่างเป็นระบบและครอบคลุม

ทั้งนี้ท่านใดสนใจสร้างแบรนด์ความงาม ปรึกษาเรื่องการผลิตครีม การผลิตเครื่องสำอาง และการผลิตอาหารเสริมได้ที่ พรีมา แคร์ โรงงานรับผลิตครีม เครื่องสำอางและอาหารเสริมที่มีคุณภาพและชำนาญการ เรามีทีมงานและผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ในทุกความต้องการที่คุณคาดหวังค่ะ

ช่องทางการติดต่อ
Line: @premacare หรือ คลิก 
Inbox Facebook
Tel: 080-810-8109

แหล่งข้อมูล:
https://www.everydayhealth.com/healthy-skin/ceramides/guide/
https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/ceramide
https://www.cerave.com/